จากกรณีเมื่อเช้าวันที่ 18 ก.พ. 67 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลตำรวจไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้า จากการเป็นนักโทษที่เข้าเกณฑ์พักโทษ เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังอาวุโสอายุเกิน 70 ปีแล้ว และถือเป็นผู้เจ็บป่วยเรื้อรัง
รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ได้กล่าวถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า นี่เป็นการท้าทายคำพูดจาก เว็บสล็อตเว็บตรง
รวมภาพบรรยากาศ ปล่อยตัว “ทักษิณ” จากรพ.ตำรวจ ถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า
วินาทีแรก! "ทักษิณ" เดินทางออกจาก รพ.ตำรวจ กลับบ้านจันทร์ส่องหล้า
“เช้าวันนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่า คุณทักษิณมีความมั่นใจ มีนัยของการท้าทายผู้ที่อาจจะไม่เห็นด้วย หรือวิพากษ์วิจารณ์เขา อย่างชัดเจน เพราะว่ามีการเปิดตัวให้สาธารณะเห็น นักข่าวสามารถถ่ายภาพได้ ในชุดเสื้อลายสีเขียว กางเกงดำ แล้วก็มีเฝือกด้วยที่แขนขวา ซึ่งภาพแบบนี้หมายความว่า เขาไม่แคร์สาธารณะใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วก็มีนัยว่า ต่อไปเขาคงจะเข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมือง ซึ่งระยะแรกอาจอยู่เบื้องหลัง มีฐานที่บ้านจันทร์ส่องหล้า” รศ.ดร.พิชายกล่าว
เขาเสริมว่า “ความเคลื่อนไหวนี้ค่อนข้างผิดความคาดหมายหลายคน รวมถึงผม ที่คิดว่าเขาจะไปเงียบ ๆ ไม่ให้มีการเปิดภาพสู่สาธารณะ แต่เมื่อทำในทางตรงข้ามกับความคาดหมาย นั่นก็หมายความว่า คุณทักษิณไม่ได้สนใจอะไรกับการวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณะ และเป็นการยืนยันอำนาจของตัวเอง ว่าเขายังมีอำนาจในรัฐบาลหรือว่าในสังคมไทยอยู่”
รศ.ดร.พิชายแสดงความมั่นใจว่า นายทักษิณจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอย่างแน่นอน “เนื่องจากว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยดี ทรุดเซ ดำเนินนโยบายอะไรก็ติดขัดไปหมด โดยเฉพาะนโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ต มีผลต่อฐานอำนาจเพื่อไทยเอง คุณทักษิณจึงอาจมองว่า ไม่มีใครพลิกฟื้นความนิยมของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยได้เท่ากับตัวเขาเอง เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เขาต้องเข้าไปยุ่งการเมือง”
ในส่วนของอาการป่วยที่มีข้อกังขา รศ.ดร.พิชายบอกอีกว่า คำที่เราได้ยิน หรือสาธารณะได้ยิน คือนายทักษิณป่วยหนัก แต่อาการที่เห็นไม่ได้สะท้อนการป่วยหนักเท่าไร อาการแบบนี้ควรจะไปอยู่ที่ราชทัณฑ์ 1-2 วันแล้วออกมา
“แต่คราวนี้เมื่อออกมาโดยไม่มีอาการป่วยหนักที่สาธารณะจะเห็นได้ชัด ร่างกายก็ดูสดใสสมบูรณ์ดี ไม่เหมือนผู้ป่วยวิกฤตที่มักซูบซีดซูบผอม ก็หมายความว่า สิ่งที่พูดกันมา 6 เดือน ยิ่งตอกย้ำความเชื่อของสาธารณะว่า เอาเข้าจริงอาจไม่ได้ป่วยหนักอย่างที่แถลง แต่ใช้อาการป่วยเป็นข้ออ้าอยู่โรงพยาบาล ไม่อยู่ราชทัณฑ์มากกว่า” รศ.ดร.พิชายกล่าว
ส่วนเงื่อนไขตามกฎหมาย รศ.ดร.พิชายมองว่า มีการจัดเตรียมกันของฝ่ายที่มีอำนาจรัฐในสังคมไทย ในการดำเนินการใช้เหตุผลทางการแพทย์ต่าง ๆ เป็นเงื่อนไขที่พิเศษกว่าทุกคนในสังคมไทย ผู้ป่วยอื่นคงไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเลิศเหมือนนายทักษิณ
ในด้านผลกระทบ การที่นายทักษิณได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากราชการหรือรัฐ อาจส่งผลต่อนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย โดยคนอาจมองว่า มีการใช้อำนาจเพื่อให้อภิสิทธิ์กับนายทักษิณ ซึ่งคงถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่อง
อีกหนึ่งผลกระทบ เป็นผลทางการเมืองเชิงกลยุทธ์ เพราะการที่นายทักษิณมาอยู่บ้าน เป็นการเพิ่มโอกาสของพรรคเพื่อไทยที่อาศัยความคิดความอ่านของนายทักษิณมาดำเนินการอะไรต่าง ๆ ให้สะดวกยิ่งขึ้น
“เมื่ออยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า คนที่อยู่ในเครือข่ายการเมืองก็เข้าไปปรึกษาหารือได้ง่าย การตัดสินใจเชิงนโยบายหรือทางการเมืองอื่น ๆ ก็ง่าย คุณทักษิณก็สะดวกในการสั่งการทางการเมือง” รศ.ดร.พิชายกล่าว
ส่วนเรื่องการตั้งข้อสังเกตว่า การเมืองไทยกำลังจะดูเหมือนมีนายกฯ 2 คนหรือไม่นั้น รศ.ดร.พิชายบอกว่า “มันก็เป็นนายก 2 คนมาตั้งนานแล้ว ถึงแม้ว่าจะอยู่โรงพยาบาล ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล แต่ 6 เดือนที่ผ่านมายังเป็นนายกฯ 2 คนแบบไม่เปิดเผยมาก คราวนี้คงเปิดเผยชัดเจนยิ่งขึ้น”