รายงานข่าวจากบริษัทไทยเบฟเวอเรจจำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่าบริษัทได้รับคะแนนสูงสุดอันดับ1ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มระดับโลกต่อเนื่องเป็นปีที่5จากการประเมินของS&P Globalและยังเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์(The Dow Jones Sustainability Indices – DJSI)สะท้อนถึงศักยภาพอันแข็งแกร่งของไทยเบฟในการเป็นต้นแบบองค์กรที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการใส่ใจด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย PASSION 2025 ภายใต้พันธกิจ “สร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” (Creating and Sharing the Value of Growth) โดยล่าสุดได้เน้นย้ำกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนเพื่อ “สรรสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน” (Enabling Sustainable Growth) ให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม การเกื้อหนุนสังคม และการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจในไทยและในภูมิภาคอาเซียน โดยมีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2583
ไทยเบฟมุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่องโดยได้น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่จะสืบสานรักษาและต่อยอดเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตรมาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเป้าหมายการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ(UN SDGs)โดยมีการดำเนินงานด้านสังคมใน5มิติหลักได้แก่การศึกษาสาธารณสุขกีฬาศิลปะและวัฒนธรรมและการพัฒนาชุมชนและสังคมที่ได้สร้างผลลัพธ์ความสำเร็จของการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมและมีการติดตามผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมนอกจากเป้าหมายและการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้วไทยเบฟยังประกาศเป้าหมายการรักษาคุณภาพน้ำและการคืนน้ำสู่ธรรมชาติเป็นสัดส่วน100%ของปริมาณน้ำที่ใช้ในการผลิตสินค้าภายในปี2573และได้เริ่มดำเนินโครงการต่างๆอาทิการผสานความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันดูแลและอนุรักษ์แหล่งน้ำการดูแลชุมชนให้สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดเพื่อใช้ในการอุปโภคและบริโภคโครงการประเมินความยั่งยืนของน้ำผิวดินและน้ำใต้ดินโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำร่วมกับชุมชนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ในมิติการทำงานด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดไทยเบฟมีการนำบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มหลังการบริโภคมาพัฒนาเพิ่มมูลค่าและผลิตเป็นผ้าห่มในโครงการ “ไทยเบฟรวมใจต้านภัยหนาว” โดยไทยเบฟสามารถผลิต “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” ได้จำนวนมากถึงปีละ 200,000 ผืนซึ่งช่วยให้สามารถนำขยะจากบรรจุภัณฑ์กลับสู่ระบบรีไซเคิลได้สำเร็จแล้วจำนวน 22.8 ล้านขวดจากการดำเนินต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3
นอกจากนี้ ไทยเบฟ ได้ผนึกกำลังร่วมกับองค์กรภาคีธุรกิจชั้นนำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับสากลสร้างแพลตฟอร์มความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในอีกหลายโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง อาทิ ภาคีเครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทานแห่งประเทศไทย (Thailand Supply Chain Network – TSCN) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการยกระดับความรู้และมาตรฐานการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในห่วงโซ่อุปทานของไทย นอกจากนั้นไทยเบฟยังเป็นผู้ริเริ่มและผู้สนับสนุนหลักของรายการ Win Win WAR Thailand ซึ่งเป็นรายการเรียลิตี้ที่มุ่งเฟ้นหาและฟูมฟักนักธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อสังคมโดยมีการออกอากาศต่อเนื่องมาเป็นเวลา 4 ปี และมีการร่วมมือกับพันธมิตรในการจัดงาน Sustainability Expo (SX) 2022 งานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความตระหนักรู้ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับประชาชนทั่วไปและเยาวชนในภูมิภาคอาเซียนนับเป็นงานที่ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่องค์กรระหว่างประเทศอย่าง United Nations Development Programme (UNDP) ไปจนถึงภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคม อีกกว่า100 องค์กร นับเป็นการสร้างแพลตฟอร์มความร่วมมือในทุกระดับเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินงานภายใต้แนวทางของการพัฒนาที่ยั่งยืน
การดำเนินงานที่ผ่านมาทั้งในการบริหารจัดการด้านธุรกิจ และการดำเนินโครงการต่างๆ ล้วนเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงศักยภาพทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและความพร้อมในทุกมิติของไทยเบฟที่จะเดินหน้า “สร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” สู่การเป็นต้นแบบและผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลก.