นายผยง ศรีวณิชประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวในการประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กรณีที่มีรายงานคาดการณ์กำไรธนาคารพาณิชย์ที่ 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยเฉพาะ ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ หรือ NIM
“เศรษฐา”ย้ำดิจิทัลวอลเล็ตไปต่อได้ ไทม์ไลน์เดิมเริ่มใช้ พ.ค.
NIM คือ? กับคำถามที่ตามมา แบงก์ไทยมี NIM สูงเกินไปหรือไม่
ที่ถูกมองว่าเป็นตัวทำกำไรที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูว่าแบงก์พาณิชย์มีภาระโครงสร้างเชิงระบบสูง ขณะเดียวกันการบริหารหนี้ ตัวเลขล่าสุด
พบว่า ยังมียอดภาระหนี้ที่สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลืออีกกว่า 3.4 ล้านล้านบาท หรือ มากกว่า 6.1 ล้านบัญชี และตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 มีต้นทุนทางเครดิตที่เกิดขึ้นในระบบธนาคารพาณิชย์กว่า 6 แสนล้านบาท หรือประมาณ 6% ของสินเชื่อ
สำหรับกรณีที่ล่าสุด แบงก์รัฐ (ธ.ออมสิน) นำร่องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง ถือเป็นแรงกดดันทำให้แบงก์พาณิชย์ ต้องปรับลดดอกเบี้ยลงตามหรือไม่ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า การที่แบงก์รัฐ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง ถือเป็นกลไกหนึ่ง และไม่อยากให้ใช้คำว่า “เป็นแรงกดดัน” แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันมากกว่า
นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ยังพูดความจากภาคเอกชนต่อดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะจะทำให้เศรษฐกิจเติบโต +-1%
โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า หากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทไปต่อได้ จะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยดันให้ GDP ไทยโต +-1%
หากเป็นไปตามไทม์ไลน์เดิม แจกเงินช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 ก็จะมีเงินก้อนใหญ่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยภาคการผลิตจะมีการผลิตสินค้าออกมาจำนวนมากรองรับความต้องการซื้อที่จะเพิ่มขึ้น พร้อมกับเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการนำสินค้าออกมาขายเพิ่มขึ้น
กรณีหากกรอบวงเงินกู้ไม่ถึง 5 แสนล้านบาท และหากแจกเงินน้อยกว่า 10,000 บาท ก็จะส่งผลทำให้ GDP โตไม่เป็นไปตามเป้า ขณะเดียวกัน ภาคเอกชน จะเฝ้าติดตามแนวทางของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากขณะนี้ เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวช้ามาก
กกร. ประมาณการ GDP ปี 67 โต 2.8-3.3 %
นอกจากนี้ นายสนั่น ยังกล่าวถึงผลประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เดือนมกราคม 2567 ด้วยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวได้ในกรอบประมาณการเดิมที่ 2.8-3.3% จากมาตรการสนับสนุนกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น Easy E-Receipt และการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว คาดว่า ปีนี้นักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 33 – 34 ล้านคน รวมถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง จากนโยบายลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ทำให้ประมาณการเงินเฟ้อปรับลดลงอยู่ที่ 0.7 – 1.2% จากปี 2566 ที่ 1.2%
คาด ไตรมาส 2 ปี 67 ดอกเบี้ยนโยบาย ปรับลดลง
นายสนั่น กล่าวต่อว่า ที่ประชุม กกร. มองว่า เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ตามศักยภาพ แต่มีแนวโน้มด้อยลง รัฐบาลควรออกนโยบายกระตุ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และควรเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ระหว่างที่รองบปี 67 พร้อมจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนสินเชื่อในการทำธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการที่มีความเสี่ยงสูง โดยที่รัฐบาลต้องสนับสนุนทุนจัดตั้งในระยะแรกก่อน ซึ่งขณะนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว มองว่า ในระยะต่อไปดอกเบี้ยควรปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ และหากธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ไทย ควรปรับลดลงตามทันที และไม่ควรปรับขึ้น คาดว่า ช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ จะมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามความเหมาะสม
พยากรณ์อากาศ 11 -20 ม.ค. เตรียมรับมือฝนถล่มหลายพื้นที่!
เปิดสถิติหวยออกงวดวันที่ 17 มกราคม หวยวันครู ย้อนหลัง 15 ปี
“อาจารย์แมน” แจง “ลงนะดาก” ทำตามลูกค้าขอ-ยันทำได้ทุกจุดคำพูดจาก เว็บสล็อต มาแรงอันดับ 1!